ระบบหยุดทำงานฉุกเฉิน (Rapid Shutdown)
แม้ว่าระบบโซลาร์เซลล์จะถูกออกแบบและพัฒนามาเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดเพลิงไหม้ แต่กิจกรรมอื่น ๆ ภายในบ้านก็อาจเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ได้ โดยปกติแล้วเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ นักผจญเพลิงจะตัดวงจรไฟฟ้าของอาคารเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ชนิด On-Grid จะหยุดทำงานทันที แต่แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคาก็ยังคงทำหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าอยู่ตลอด ตราบใดที่ยังได้รับแสงอาทิตย์อยู่ ซึ่งความต่างศักย์ของแผงโซลาร์เซลล์แต่ละสตริงอาจสูงถึง 600 โวลต์ ซึ่งเป็นอันตรายแก่ผู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้
ระบบหยุดทำงานฉุกเฉิน (Rapid Shutdown) เปิดตัวครั้งแรกปี 2014 มาตรฐาน National Electrical Code (NEC) ประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดประสงค์เพื่อให้นักผจญเพลิงสามารถทำการหยุดจ่ายไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้
ในปี 2017 NEC ได้กำหนดรายละเอียดการทำงานของ Rapid Shutdown จะต้องลดแรงดันไฟฟ้าตามขอบเขตรอบแผงโซลาร์เซลล์เป็นระยะ 1 ฟุต (305 มม.) ในทุกทิศทาง ดังนี้
วงจรโซลาร์เซลล์ที่อยู่ภายนอกขอบเขต เมื่อมีการเปิดการทำงาน rapid shutdown จะต้องสามารถลดแรงดันไฟฟ้า DC ลงเหลือไม่เกิน 30 โวลต์ภายใน 30 วินาที
วงจรโซลาร์เซลล์ที่อยู่ภายในขอบเขต เมื่อมีการเปิดการทำงาน rapid shutdown จะต้องสามารถลดแรงดันไฟฟ้า DC ลงเหลือไม่เกิน 80 โวลต์ภายใน 30 วินาที